ความดันโลหิต หรือ แรงดันในเส้นเลือดแดงมี 2 ค่าคือ ค่าความดันขณะหัวใจบีบตัว (ค่าตัวบน) และค่าความดันขณะหัวใจคลายตัว (ค่าตัวล่าง) ซึ่งใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิเมตรปรอท
ในคนที่อายุ 18 ปี ขึ้นไปค่าความดันโลหิตไม่ควรเกิน 120/80 มม.ปรอท ส่วนผู้ที่มีค่าความดันโลหิตอยู่ระหว่าง 120–139/80-89 มม.ปรอท จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูง ขึ้นกับอายุและสัดส่วนของร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วคราว คือ อารมณ์ หรือ ลักษณะกิจกรรมที่ทําในแต่ละวัน
ความดันโลหิตสูงเป็นอย่างไร
ความดันโลหิตสูง หมายถึง การมีค่าความดันโลหิตตัวบน 140 มม.ปรอท หรือมากกว่า หรือมีค่าความดันตัวล่าง 90 มม.ปรอท หรือมากกว่า (โดยวัดหลังจากนั่งพัก 5 นาที และวัดซ้ําใน 2-3 วันต่อมา)
ประเภทของโรคความดันโลหิตสูง
-ประเภทที่มีสาเหตุจากโรคอื่น เช่น โรคเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต ภาวะไตวาย โรคเนื้องอกของสมอง
ภาวะครรภ์เป็นพิษ การได้รับยาหรือสารบางชนิด เป็นต้น ซึ่งพบประมาณร้อยละ 5–10 ของผู้ป่วย
-ประเภทที่ไม่ทราบสาเหตุ พบประมาณร้อยละ 90-95 ของผู้ป่วย ส่วนใหญ่ตรวจพบโดยบังเอิญ โดยมักพบในผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หรือกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง คือ กรรมพันธุ์ อ้วน ไขมันใน เลือดสูง ขาดการออกกําลังกายและรับประทานอาหารเค็ม
อาการแสดงของโรคความดันโลหิตสูง
ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้มีความดันโลหิตสูงจะไม่มีอาการ จึงไม่รู้ว่าตนเองจะแสดงอาการก็เมื่อเป็นมากและเป็นนาน อาการที่พบก็เช่น ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอยในตอนเช้า อาจมีคลื่นไส้หรือ ตามัวร่วมด้วย ส่วนอาการที่พบในคนที่ความดันโลหิตสูงระดับรุนแรง หรือความดันโลหิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือมีเลือดกําเดาออก เหนื่อยง่าย เพราะหัวใจต้องรับภาวะของความดันโลหิตสูงนาน
การรักษา
โรคความดันโลหิตสูงไม่สามารถรักษาให้หายยขาด แต่สามารถควบคุมให้อยู่ในระดับปกติได้ เพื่อป้องกันความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ โดยใช้ยาร่วมกับการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจําวันให้เหมาะสม รวมทั้งการรับประทานยาเพื่อควบคุมความดันโลหิตสูงร่วมด้วยซึ่งตัวยามีหลายชนิดได้แก่
-ยาขับปัสสาวะเพื่อลดจํานวนเกลือและน้ําในร่างกาย ทําให้ความดันโลหิตลดลง หลังกินยาจะปัสสาวะบ่อย อาจมีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด ท้องอืดหรือเป็นตะคริวได้
-ยาช่วยลดความดันโลหิตมีหลายชนิด แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้ตามความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ผู้ป่วยต้องรับประทานยาอย่างสม่ําเสมอ หากมีอาการข้างเคียงต้องปรึกษาแพทย์ทันที ทั้งนี้เพื่อปรับเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับอาการ
อันตรายจากโรคความดันโลหิตสูง
-อัมพาต เนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบ แตก หรืออุดตัน
-ตามัว หรือตาบอด เนื่องจากหลอดเลือดในลูกตาตีบตัน หรือแตก
-ไตวายหรือ ไตพิการ เนื่องจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไตตีบ
-หัวใจวาย ถ้ารุนแรงอาจชัก หมดสติและเสียชีวิตได้
การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูง
1. อาหาร ควรงดอาหารที่มีรสเค็ม หรือปรุงโดยสารที่ให้รสเค็ม เช่น เกลือ รวมทั้งผลชูรสและผงฟูทําขนมปัง
2. รับประทานผัก ผลไม้ทุกมื้อ เพราะมีแมกนีเซียมและกากใย ช่วยลดความดันโลหิต รวมทั้งรับประทานถั่วและธัญพืชอย่างเพียงพอ เพราะมีกากใยชนิดละลายน้ําช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ ที่สําคัญควรลดหรือ งดรับประทานไขมันอิ่มตัวจากสัตว์ น้ํามันสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมัน
3. ควรควบคุมน้ําหนัก โดยลดการรับประทานน้ํามันไขมันน้ําตาลแป้ง
4. ออกกําลังกาย แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกําลังกายเนื่องจากบางรายอาจต้องควบคุมความดันโลหิตก่อนและเลือกออกกําลังกายที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องชนิดเบาถึงปานกลางระยะเวลา 30-40 นาที 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว 30-40 นาที ทุกวันแต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกําลังกายที่ใช้การออกแรงดัน เช่น การยกน้ําหนัก เพราะจะทําให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้
5. ความเครียดมีผลต่อความดันโลหิต จึงควรฝึกการผ่อนคลาย โดยการบริหารจิต การมีเมตตา การเจริญสติ สมาธิ
6. งดสูบุหรี่ เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ทําให้เกิดการอักเสบของผนังเส้นเลือด หลอดเลือดแข็งตัวเร็วขึ้น
7. งดดื่มสุรา ยาดองของมึนเมาที่มีแอลกอฮอล์ ทําให้ความดันโลหิตสูง หัวใจวายได้
8. รับประทานยา ให้สม่ําเสมอและต่อเนื่องตามที่แพทย์กําหนด ไม่ปรับเพิ่มหรือลดยาเอง พร้อมทั้งวัดความดันโลหิตเป็นระยะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เวปไซต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์
สนับสนุนโดย
ตอบลบแนะนำทางเลือกใหม่
ยับยั้งทำลายเชื้อไวรัส และเซ็ลล์มะเร็ง เชื้อ Hiv หูดหงอนไก่ สเก็ดเงิน ริดสีดวง เบาหวาน ไต ไทรอย ไวรัสตับอักเสบบี อัมพฤกษ์ อัมพาต หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ภูมิแพ้สอบถามเพิ่มเติม tel. 0959279523 ID line. Aofaudio0502
สอบถามผ่านไลน์ก่อนได้ครับ อย่ามัวแต่อายครับสอบถามมาก่อนได้