การดูแลสุขภาพรอบดวงตา
ผิวทุกส่วนของเราไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง ริมฝีปาก หรือดวงตา ต้องมีสิ่งที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นตัวเคลือบ หากสิ่งที่มาเคลือบมีปริมาณน้อยเกินไป ผิวบริเวณนั้นก็จะมีโอกาสแห้งกว่าปกติ...ผิวตาของเราก็เช่นเดียวกัน จะมีน้ำตามาช่วยหล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา ‘เพื่อปกป้องกระจกตาและเยื่อบุตาจากการระคายเคือง’ อีกทั้งน้ำตายังเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญให้แก่เซลล์ผิวกระจกตา...ทำให้เซลล์อยู่ในสภาพแข็งแรงอีกด้วย น้ำตาจะออกมาเคลือบดวงตาทุกครั้งที่เรากะพริบตา คนที่มีปริมาณน้ำตาน้อย หรือน้ำตาระเหยเร็ว อาการตาแห้งจะเป็นง่ายยิ่งขึ้น และมักพบในผู้หญิงเรามากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะสุภาพสตรีวัยหมดประจำเดือนและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนที่ลดต่ำลง ทำให้สารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกายลดลงไปด้วย วิธีรับมือง่ายๆ ก็คือ การใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้ดวงตามีสุขภาพที่ดีขึ้น และบรรเทาอาการระคายเคือง อาการตาแห้งอาจเกิดขึ้นเป็นบางเวลา เช่นเวลามีลมเป่าเข้าตาตรงๆ ขณะที่อยู่ในห้องแอร์นานๆ หรือขณะที่ใช้สายตามากๆ ก็จะมีภาวะตาแห้งหรือตาอักเสบได้ ในภาวะปกติ คนเราจะกะพริบตาโดยเฉลี่ย 20-22 ครั้งต่อนาที แต่ตอนที่เรามัวแต่จับจ้องอยู่กับงาน หรือ เพ่งตาค้างไว้นานกว่าปกติ จะทำให้เรากะพริบตาน้อยลงโดยอัตโนมัติเพียง 8-10 ครั้ง “และในขณะที่ดวงตาคู่สวยกำลังเปิดกว้างอยู่นั้น...น้ำตาที่เคลือบผิวตาอยู่จะค่อยๆ ระเหยออกไป” หากเป็นไปได้เวลาที่เรานั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ ก็ควรกะพริบตาบ่อยๆ หรือ หยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้ตาชุ่มชื้นเพียงพอ ปัจจุบันสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันของเราล้วนเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงที่มีผลให้เกิดโรคตาแห้ง เช่น ควัน สารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ การใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลายาวนาน การอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ รวมถึงการดูทีวีนานๆ ตลอดจนในช่วงฤดูหนาวที่อากาศแห้งเช่นเดียวกัน...ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้เกิดอาการตาแห้งได้มาขึ้นทั้งนั้น แม้จะไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงก็ตาม...แต่แนะนำว่าอย่าปล่อยให้ดวงตาเป็นอะไรแล้วค่อยมาแก้ไขภายหลัง การดูแลดวงตาคู่สวยของคุณตั้งแต่เนิ่นๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการถนอมดวงตาให้อยู่คู่ไปกับคุณนานๆ
ขอขอบคุณบทความจาก : WOMEN'S HEALTH THAILAND
สนับสนุนโดย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น